วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ประวัติผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ดร.ปรีชา เรืองจันทร์


          นายปรีชา  เรืองจันทร์  เกิดที่บ้านหนองกอไผ่  หมู่ที่  ๖  ตำบลวังสำโรง  อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร  เป็นบุตรของนายจวน  และนางบุญมา  เรืองจันทร์  มีพี่น้อง  ๗  คน  สมรสกับนางสาวปิยธิดา  นรารักษ์  มีบุตร  ๒  คน
ประวัติการศึกษา
            เรียนระดับประถมศึกษา ๑ – ๔ ที่โรงเรียนวัดหนองกอไผ่  ตำบลวังสำโรง      อำเภอบางมูลนาก  จังหวัดพิจิตร  และเรียนระดับประถมศึกษา ๕ – ๗  ที่โรงเรียนชุมแสงวิทยา               อำเภอชุมแสง  จังหวัดนครสวรรค์   ระดับมัธยมศึกษา ม.ศ. ๑ – ม.ศ. ๕  สอบเทียบกระทรวงศึกษาธิการ  ระดับปริญญาตรี  รัฐศาสตร์บัณฑิต  จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  นิติศาสตร์บัณฑิตและรัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  ระดับปริญญาโท รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต  จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และระดับปริญญาเอก   Doctor of Organization Development and Transformation (DODT) , CEBU  DOCTORS, UNIVERSITY,PHILIPPINES
ประวัติการทำงาน
          เริ่มทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโนบายและแผน  และดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอหลายอำเภอ  ของจังหวัดนครสวรรค์  ดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังทรายพูน  จังหวัดพิจิตร  และนายอำเภอเมือง  จังหวัดพิจิตร  ดำรงตำแหน่งปลัดจังหวัดพิจิตร  และตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี , จังหวัดเพชรบูรณ์  และจังหวัดสมุทรสงคราม  และปี พ.ศ.  ๒๕๕๐   ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร  นอกจากนี้ยังเดินทางไปศึกษาดูงานด้านการเมืองการปกครองในหลายประเทศได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญสดุดี  ๘  ชั้น  ชั้นสูงสุด  เมื่อ  พ.ศ.  ๒๕๔๖  ประถมาภรณ์ช้างเผือก  และรางวัลเกียรติคุณพิเศษ ๑๑  รายการ
นอกจากงานทางราชการแล้ว  นายปรีชา  เรืองจันทร์  ยังมีความสามารถทางด้านงานเขียนและสิ่งพิมพ์  มีผลงานมากมาย  เช่น  วิทยานิพนธ์เรื่อง “การบริหารงานสำนักงานจังหวัด : ศึกษาเฉพาะกรณีจังหวัดเพชรบูรณ์” ,  หนังสือเสริมการอ่าน “แม่ค้าขายผัก”, เอกสารวิจารณ์หนังสือ “เล่นกับคน : ศิลปะการบริหารแบบไทย ๆ”  ของอาจารย์สุขุม   นวลสกุล  และ “เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับนักบริหาร”  ของ       ชัยรัตน์   บูรณะวิวัฒน์  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีงานเขียนรวมเล่ม  เช่น  “ฉากชนบท”  “คนกินอุดมการณ์” “ลูกล่อลูกชนคนทำงาน”  “ก็อดอามี่มณีลอยปลุกราชบุรีเขย่าโลก”  “ขวัญใจชาวบ้าน”  “ น้ำฝนน้ำฟ้า น้ำตาน้ำก้อ “  และ “คนแบกเสบียง”  เป็นต้น  นามปากกาที่ใช้มี  “รุ่งทิวา”   “กระทิงทุ่ง”  “กำนันฉะ” “ ป ปิยธิดา” “ ป นนทนันทน์”  “ ป  ประภัสสนันท์”  “ มหานายนนทนันทน์”  นับเป็นบุคคลที่มีความสามารถอีกท่านหนึ่งที่ควรยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของจังหวัดพิจิตร

ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดนครสวรรค์

               จังหวัดนครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ระหว่างตอนล่างของภาคเหนือและตอนบนของภาคกลาง มีพื้นที่ประมาณ 9,597 ตารางกิโลเมตร นับเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์อีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มีพื้นที่ติดต่อกับหลายจังหวัด ได้แก่ ด้านเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพิจิตรและกำแพงเพชร ทางตะวันออกติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี ด้านใต้ติดกับจังหวัดสิงห์บุรี ชัยนาท และอุทัยธานี ส่วนด้านตะวันตกติดกับจังหวัดตากสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
Seal Nakhon Sawan.png
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
รูปวิมานอันเป็นที่สิงสถิตของเหล่าเทวดานางฟ้า ความหมายของตราประจำจังหวัด รูปวิมานซึ่งเป็นที่สถิตของชาวสวรรค์ หมายถึง ชื่อครั้งหลังสุดของจังหวัดเป็นเมืองสำคัญในการ รบทัพจับศึกตลอดมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย

 ประวัติศาสตร์

นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่านครสวรรค์มีชื่อปรากฏมาตั้งแต่ก่อนสุโขทัยเป็นราชธานี มีชื่อในศิลาจารึกของสุโขทัย โดยเรียกว่า เมืองพระบาง เป็นเมืองหน้าด่านที่สำคญในการทำศึกสงคราม ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี กระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ภายหลังเรียกชื่อว่า เมืองชอนตะวัน และเปลี่ยนเป็น นครสวรรค์ ในที่สุด แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกกันว่า เมืองปากน้ำโพ ในประวัติศาสตร์มีหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่า นครสวรรค์ เคยเป็นเมืองเกษตรกรรมมาตั้งแต่ยุคต้นประวัติศาสตร์ เป็นศูนย์กลางของการคมนาคม เป็นที่ตั้งของกลุ่มชนชาวจีนที่มาทำมาค้าขายระหว่างประเทศ
เมืองพระบางเป็นเมืองโบราณในสมัยสุโขทัยคู่กับเมืองคนที โดยตัวเมืองพระบางอยู่ที่เมืองนครสวรรค์เก่า ส่วนเมืองคนทีสันนิษฐานว่าอยู่ที่บ้านโคน ริมฝั่งแม่น้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร จากข้อมูลในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย เมืองพระบางถูกผนวกรวมกันเข้ากับอาณาจักรสุโขทัยในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์และตั้งตัวเป็นอิสระเมื่อสิ้นสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และถูกผนวกรวมอีกครั้งในสมัยพระยาลิไท พระองค์ได้ประดิษฐานพระพุทธบาทพร้อมทั้งศิลาจารึกวัดเขากบไว้ที่เขากบ เมืองพระบาง ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ ในสมัยพระมหาธรรมราชาไสลือไทที่ประกาศให้สุโขทัยเป็นเอกราชได้รวมเมืองพระบางไว้ในอาณาเขตด้วย
เมื่ออำนาจของกรุงศรีอยุธยากล้าแข็งขึ้น เมืองพระบางจึงไปขึ้นกับกรุงศรีอยุธยาในที่สุด มีหลักฐานในตำนานมูลศาสนาว่าพระญาณคัมภีร์ขอที่สร้างวัดในอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1972 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ไม่อนุญาตจึงมาขอที่ที่เมืองพระบาง เจ้าเมืองพระบางไม่ยกที่ให้ อ้างว่าเป็นข้าขอบขัณฑสีมาของอยุธยา เมื่ออยุธยาไม่ให้ ทางเมืองพระบางก็ให้ไม่ได้[3]

 ปากน้ำโพ

บ้างเล่าว่าที่เรียกว่า "ปากน้ำโพ" ก็คือว่าเป็นบริเวณที่แม่น้ำปิง วัง ยม และน่านมาบรรจบกัน จึงเรียกว่า "ปากน้ำโผล่" และเพี้ยนมาเป็น "ปากน้ำโพ" ส่วนอีกตำรากล่าวว่า เป็นปากน้ำของแม่น้ำโพ (คือแม่น้ำน่านในปัจจุบัน) ที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิง จึงเรียกว่า ปากน้ำโพ ดังเช่น ปากยม ปากชม ปากลัด และปากน้ำอื่น ๆ

ภูมิประเทศ

สภาพภูมิประเทศของจังหวัดนครสวรรค์อยู่ในดินแดนของลุ่มน้ำ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายหลักของภาคกลาง นั่นคือ แม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็น การไหลบรรจบของแม่น้ำสี่สายจากภาคเหนือ ได้แก่ แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองสี่แคว นอกจากนี้ยังมีภูเขาขนาดย่อมกระจัดกระจายในอำเภอต่าง ๆ

หน่วยการปกครอง

การปกครองแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 130 ตำบล 1328 หมู่บ้าน
  1. อำเภอเมืองนครสวรรค์
  2. อำเภอโกรกพระ
  3. อำเภอชุมแสง
  4. อำเภอหนองบัว
  5. อำเภอบรรพตพิสัย
  6. อำเภอเก้าเลี้ยว
  7. อำเภอตาคลี
  8. อำเภอท่าตะโก
  9. อำเภอไพศาลี
  10. อำเภอพยุหะคีรี
  11. อำเภอลาดยาว
  12. อำเภอตากฟ้า
  13. อำเภอแม่วงก์
  14. อำเภอแม่เปิน
  15. อำเภอชุมตาบง
 แผนที่

 สถานที่สำคัญ


การศึกษา

        โรงเรียน

         ระดับอาชีวศึกษา

       เศรษฐกิจ

จังหวัดนครสวรรค์เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน เพราะเป็นชุมทางของคมนาคมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟ หรือทางน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของท่าข้าวกำนันทรง ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าข้าวแห่งแรกของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่เจริญเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศไทย ข้อมูลจากรายชื่อเมืองใหญ่ของประเทศไทยเรียงตามจำนวนประชากร

      บุคคลสำคัญ